“อาการตาแห้ง” แบบไหนที่จัดว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ
ในยุคที่เราต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบตลอดเวลา อาการตาแห้ง ก็เกิดขึ้นได้ง่ายกับทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานที่ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน วัยรุ่นที่ติดอยู่กับหน้าจอของสมาร์ทโฟน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุหลายคนที่เริ่มอ่านหนังสือผ่านแท็บเล็ตมากกว่าการอ่านหนังสือแบบเป็นเล่มจริงๆ จากสถิติพบว่าการจ้องหน้าจอแบบนี้ จะส่งผลให้เรากระพริบตาน้อยลงโดยอัตโนมัติ จึงทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ แห้งได้ง่ายขึ้น
ประเด็นก็คือ อาการตาแห้ง แบบไหนที่จัดว่าเป็นอันตรายแล้ว ความจริงตาของเราไม่ควรแห้งเลย ควรจะมีน้ำหล่อเลี้ยงให้ความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เมื่อรู้สึกว่าตาแห้ง ก็ไม่ได้ถึงกับแย่เสมอไป บางครั้งเราแค่หลับตาไว้สักพักมันก็ดีขึ้นเอง แต่ในบางกรณีที่มีอาการต่อไปนี้รวมอยู่ด้วย ต้องตระหนักแล้วว่ามันเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อดวงตาของเราได้ รีบหาทางแก้โดยด่วน ตั้งแต่การปรับพฤติกรรมและพบแพทย์ตามสมควร
สัญญาณของ “อาการตาแห้ง” ที่เป็นภัยร้าย ได้แก่
- ปวดนัยน์ตามากเป็นพิเศษ บางทีก็รู้สึกแสบร้อนจนไม่อยากลืมตาขึ้นมา บางทีก็ปวดเป็นจุดๆ เป็นเวลานาน เช่น ปวดหัวตา ปวดเบ้าตา เป็นต้น ซึ่งอาการปวดที่ว่านี้มักไม่หายไปจนกว่าจะได้พักผ่อนนอนหลับสักช่วงหนึ่งก่อน
- ตาแดง มีความระคายเคืองอยู่ด้วยตลอดเวลา เหมือนมีบางสิ่งเข้าไปในตาแต่ก็ไม่มี มันเป็นเพราะผิวในตาแห้งเกินไปเท่านั้น ก็จะเห็นเป็นรอยแดงไปทั่วตาขาว
- น้ำตาไหล อยู่ๆ ก็ไหลเองโดยไม่ได้ร้องไห้หรือเจ็บตา แบบนี้อาการไม่ค่อยดีเท่าไร ควรพักสายตาทันทีและไปตรวจตาหลังจากนั้น
- ตามัว อยู่ๆ ก็เหมือนมีอะไรมาปกคลุมลูกตา มองเห็นไม่ค่อยชัด อันนี้ก็ต้องระวังเช่นเดียวกัน
เมื่อดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญ เมื่อป่วยแล้วก็รักษากันไม่ได้ง่ายๆ ก็อย่าปล่อยให้เกิดอาการตาแห้งบ่อยครั้งนัก เราควรนึกอยู่เสมอว่าดวงตาจะต้องได้พักตามระยะเวลาที่เหมาะสมเสมอ ถึงงานจะเร่ง ละครจะกำลังสนุก ก็พักชั่วคราวได้ทั้งหมด แต่ดวงตาถ้าเสียหายขึ้นมา เราจะเสียใจกว่าหลายเท่า
ถ้าหากคุณอยากสุขภาพดี อย่าลืมติดตามข้อมูลเกี่ยวกับข่าวสุขภาพอื่นๆ เช่น วิธีลดต้นขา สามารถทำได้ง่ายๆ ที่ได้อีก worldcongressacg2017.org