โรคไข้เลือดออก ! อันตรายที่มาพร้อมกับสายฝนที่ไม่ควรมองข้าม
เมื่อถึงฤดูฝนสิ่งที่หลายคนคิดถึงคงจะเป็นความเปียกแฉะ การเดินทางที่แสนจะยากลำบาก ทว่าทราบไหม…? อันตรายที่มาพร้อมฤดูฝนที่มียุงเป็นพาหะนำโรคนั้นก็คือ “โรคไข้เลือดออก” ที่สามารถฆ่าชีวิตไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ได้ โดยโรคดังกล่าวจากการติดเชื้อของไวรัสเดงกี ซึ่งมีมากถึง 4 สายพันธุ์ บางสายพันธุ์ไม่แสดงอาการในระยะแรกส่งผลให้หลายคนมองไม่ออกว่านั้นคือการติดเชื้อของไวรัสเดงกี ดังนั้นบทความนี้จึงรวบรวมสิ่งที่ทุกคนควรทราบของโรคดังกล่าว ดังนี้
อาการของโรคไข้เลือดออก
ซึ่งได้เท้าความไปแล้วว่าโรคดังกล่าวมีหลายสายพันธุ์และภูมิคุ้มกันของแต่ละคนแตกต่างกัน ส่งผลให้การแสดงอาการผิดปกตินั้นไม่คล้ายกันเลย แต่ก็มีข้อสังเกตง่าย ๆ เบื้องต้น คือ ไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียสเป็นระยะเวลานานรวมกับอาการปวดตามกระดูก ในจุดนี้ทุกคนต้องแยกให้ออกระหว่างปวดเมื่อยกล้ามเนื้อกับปวดถึงกระดูกนะคะ บางรายอาจจะมีอาการอาเจียน เวียนศีรษะ ความอยากอาการลดลง มีเลือดเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นบริเวณลำตัว แล้วสุดท้ายที่บอกอาการชัดเจนคือขับถ่ายเป็นเลือดนั้นเอง ซึ่งถ้าทุกคนมีอาการ 1-2 อย่างข้างต้นควรรีบพบแพทย์ทันที
ระยะการฝักตัวของโรคดังกล่าว
สามารถแบ่งได้ 3 ระยะด้วยกัน คือ ระยะแรกเลยจะมีอาการไข้สูงมาก ๆ หมดแรง อ่อนเพลีย ไม่อยากอาหาร ซึ่งพอผ่านระยะแรกจะเป็นระยะที่สองจะมีอาการดีในระดับหนึ่ง ในระยะที่สองหลายคนมักคิดว่าคงหายแล้ว ทว่านั้นคือสัญญาณอันตรายที่จะเข้าสู่ระยะที่สามคือการช็อกและเสียชีวิตได้
วิธีการป้องกันตนเองจาก โรคไข้เลือดออก
คือ ทุกคนทราบอยู่แล้วว่ายุงลายเป็นพาหะนำโรค ดังนั้นควรจำกัดแหล่งที่ยุงลายสามารถอาศัยได้หรือแพร่พันธุ์ได้ง่าย ซึ่งยุงลายชอบในที่น้ำขัง ทุกคนควรจัดการเทน้ำที่ขังทิ้งให้หมด คว่ำภาชนะที่น้ำสามารถขังได้ หรือนำทรายกันยุงลายไปเทตามน้ำที่นิ่ง ๆ นั้นเอง สำคัญสุดยุงลายหาอาหารกลางวัน ทุกคนควรนอนกลางวันในสถานที่ปลอดภัยหรือกลางมุ้งนอนนะคะ และหากทุกคนสงสัยว่าจะเป็นโรคไข้เลือดออกให้รีบตรงไปพบแพทย์และเล่าอาการอย่างละเอียด
ถ้าหากคุณอยากสุขภาพดี อย่าลืมติดตาม 5 อย่างที่อย่าหาทำ “หลังทานอาหาร” ในทันที ได้อีกที่ worldcongressacg2017.org